ยางรถยนต์เป็นชิ้นส่วนหนึ่งที่ถือว่าสำคัญมากที่ควรเอาใจใส่
และดูแลมันเป็นพิเศษ ซึ่งยางจะช่วยบังคับทิศทางการเลี้ยวของรถ การเบรกหยุดรถ มีผลทำให้ยางคู่หน้าสึกเร็วกว่ายางคู่หลัง ทำให้ต้องมีการสลับยางรถยนต์
เพื่อให้ยางรถทุกเส้นมีการสึกที่เท่ากัน เพื่อยืดอายุการใช้งาน
รวมทั้งใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพของรถยนต์ ซึ่งเราสามารถเลือกที่จะสลับยางรถยนต์ด้วยตนเองได้
โดยปกติคุณสามารถตรวจได้ว่ายางรถยนต์ของคุณควรทำการสลับยางรถยนต์ทุกกี่
กิโลเมตรจากคู่มือรถของคุณ แต่หากไม่มี คุณอาจทำการสลับทุก 10,000
กิโลเมตรสำหรับรถทั่วไป และ 4,000
กิโลเมตรสำหรับรถขับเคลื่อนสี่ล้อรถแต่ละประเภทจะมีการสึกหรอแตกต่างกัน
รถแต่ละประเภทจะมีการสึกหรอแตกต่างกัน การสลับยางรถยนต์นั้นมีเหตุผล
เพื่อให้การสึกหรอของดอกยางรถยนต์ในส่วนของล้อด้านหน้าและล้อด้านหลัง
มีการสึกหรอที่เท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้า
รถยนต์ขับเคลื่อนล้อหลัง หรือรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งรถแต่ละประเภท
จะมีการสึกหรอของยางที่แตกต่างกันไป ตามการขับเคลื่อนของล้อ
รถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้า (FRONT WHEEL DRIVE)
ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนของรถ
การสึกหรอของยางรถยนต์ในคู่หน้าจะมีมากกว่ายางรถยนต์คู่หลังโดยเฉลี่ย 2-3
เท่า ทั้งนี้เนื่องจากภาระต่าง ๆ จะตกอยู่ที่ด้านหน้าเป็นส่วนมาก
ทั้งระบบขับเคลื่อนให้ล้อเสียดสีกับพื้นถนนขับเคลื่อนไปข้างหน้า
การบังคับทิศทางการเลี้ยวก็ตกอยู่ที่ด้านหน้า รวมถึงการเบรกหยุดความเร็วรถ
หากไม่ทำการสลับยางรถยนต์ตามกำหนดระยะเวลา ผลที่จะตามมาคือ
เรื่องของการสึกหรอของยางรถยนต์ทั้ง 4 เส้นจะไม่เท่ากัน
และจะส่งผลไปถึงเรื่องของการผิดปรกติของศูนย์รถที่ไม่สมดุล นอกจากนี้
การสึกหรอของยางรถยนต์ที่ไม่เท่ากันมาก ๆ
เรื่องของการเบรกดึงซ้ายหรือดึงขวาไปด้านใดด้านหนึ่ง
ก็เกิดจากสาเหตุของยางรถยนต์ประการหนึ่งเช่นกัน
ซึ่งในกรณีนี้หากเกิดขึ้นขณะใช้ความเร็วสูง ๆ อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้
(รูปที่ 1)
การสลับยางรถยนต์ที่ดี ควรทำการสลับยางรถยนต์ทุก ๆ 10,000 กิโลเมตร
โดยในการสลับยางรถยนต์ครั้งแรกจะทำการสลับยางรถยนต์ในลักษณะเปลี่ยนยางรถ
ยนต์จากล้อหลังมาไว้ล้อหน้า และเปลี่ยนยางรถยนต์จากล้อหน้าไปไว้ล้อหลัง
ซึ่งในการเปลี่ยนสลับยางรถยนต์จะทำการสลับเป็นฝั่งไป คือ
ยางรถยนต์หน้าฝั่งซ้าย สลับกับยางรถยนต์หลังฝั่งซ้าย
และยางรถยนต์หน้าฝั่งขวา สลับกับยางรถยนต์หลังฝั่งขวา
ที่สำคัญ หลังการสลับยางรถยนต์เสร็จสิ้นใน 10,000 กิโลเมตรแรก
ควรทำการถ่วงล้อทั้ง 4 ล้อ
ตรวจเช็กสภาพของผ้าเบรกว่าอยู่ในระดับที่ใช้งานได้ปรกติ
ตรวจวัดระดับน้ำมันเครื่อง ตรวจวัดระดับน้ำมันเบรกในกระปุกปั๊ม
ตรวจสอบช็อกแอบซอร์เบอร์ และลูกหมาก ทำความสะอาดไส้กรองอากาศ
ตรวจเช็กศูนย์ล้อ รวมถึงเรื่องของการอัดจาระบีดุมล้อ และชิ้นส่วนต่าง ๆ
ของระบบช่วงล่าง
(รูปที่ 2) หลังจากใช้งานยางรถยนต์ต่อไปจนถึง 20,000 กิโลเมตร หรือครบรอบอีก 10,000 กิโลเมตร
การสลับยางรถยนต์ครั้งนี้ จะแตกต่างจากการสลับยางรถยนต์ใน 10,000
กิโลเมตรแรก ซึ่งวิธีการสลับยางจะเป็น ลักษณะไขว้
โดยจะทำการเปลี่ยนยางรถยนต์ล้อขวาหน้าไปไว้ล้อหลังซ้าย
ยางรถยนต์ล้อหลังซ้ายสลับแทนที่ยางรถยนต์ล้อหน้าขวา
ส่วนยางรถยนต์ล้อหน้าซ้ายจะเปลี่ยนสลับกับยางรถยนต์ล้อหลังขวา
ซึ่งในการเปลี่ยนสลับยางรถยนต์ครั้งนี้ สิ่งที่ต้องสังเกต คือ
ทิศของหน้ายางรถยนต์
หรือลูกศรบอกตำแหน่งของยางรถยนต์อยู่ในทิศทางที่ถูกต้องหรือไม่
ในกรณีที่สลับยางรถยนต์แล้วลายดอกยางย้อนศร
อันนี้ต้องให้ร้านยางรถยนต์ทำการกลับด้านยางรถยนต์ให้ถูกต้อง
*** หลังจากนั้นให้ทำการตรวจเช็กร่วมเช่นเดียวกับ 10,000 กิโลเมตรแรก ในทุกครั้งที่ทำการสลับยางรถยนต์
(รูปที่ 3)
เมื่อเข้าถึง 30,000 กิโลเมตร
การสลับยางรถยนต์จะเป็นดังเช่นการสลับยางรถยนต์ในครั้งแรกสลับยางรถยนต์ล้อ
หน้าซ้ายไปไว้ล้อหลังซ้าย และล้อหน้าขวาสลับยางรถยนต์กับล้อหลังขวา
เหตุผลที่ต้องทำการสลับยางรถยนต์ในลักษณะเช่นนี้ เพื่อให้ยางรถยนต์ทั้ง 4
เส้นมีการสึกหรอที่เท่าเทียมกัน เนื่องจากยางรถยนต์ทั้ง 4
เส้นมีการสลับครบทุกด้าน
ซึ่งยางรถยนต์แต่ละล้อจะรับภาระที่แตกต่างกันออกไปนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น
ยางรถยนต์หน้าขวา นอกเหนือจากการทำหน้าที่เป็นตัวขับเคลื่อนรถให้เลื่อนไหล
ล้อหน้าขวาจะอยู่ในตำแหน่งที่ตรงกับด้านคนขับ ภาระที่เพิ่มขึ้น คือ
เรื่องของการรับน้ำหนักคนขับพ่วงเข้าไปด้วย เป็นต้น
(รูปที่ 4)
เมื่อถึง 40,000 กิโลเมตร การสลับยางรถยนต์ก็จะเป็นดังเช่น
การสลับยางรถยนต์ในช่วง 20,000 กิโลเมตร ที่จะทำการสลับยางในลักษณะไขว้กัน
โดยยางรถยนต์ล้อหน้าขวาจะสลับกับยางรถยนต์ล้อหลังซ้าย
ยางรถยนต์ล้อหลังซ้ายก็เปลี่ยนสลับแทนที่ยางรถยนต์หน้าขวา
และยางรถยนต์ล้อหน้าซ้ายเปลี่ยนสลับกับยางรถยนต์ล้อหลังขวา
ยางรถยนต์ล้อหลังขวาก็เปลี่ยนไปแทนที่ยางรถยนต์ล้อหน้าซ้าย
หลังจากนั้นก็ให้ทำการตรวจเช็กหน้ายางรถยนต์ว่าย้อนศรหรือไม่
ในกรณีที่ไม่ทราบว่าใส่ยางรถยนต์ย้อนศรหรือไม่ วิธีสังเกตง่าย ๆ คือ
ให้สังเกตที่แก้มยางรถยนต์ในบางรุ่นจะมีลูกศรชี้บอกทิศของการใส่ยางรถยนต์ไป
ด้านหน้า และในกรณีที่ยางรถยนต์ไม่มีลูกศรบอกทิศ
ให้สังเกตที่วันผลิตซึ่งจะบอกไว้ที่แก้มยางรถยนต์
ให้ด้านตัวเลขบอกวันผลิตของยางรถยนต์หันออกด้านนอกเสมอ นั่นคือ
ด้านยางที่ถูกต้อง
ขอบคุณข้อมูลจาก http://streetuseinfo.com